บัตรเครดิตไม่ใช่บัญชีเดินสะพัด

ฎีกาที่ 4846/2542

            สัญญาบัญชีเดินสะพัด ตาม ป.พ.พ. มาตรา 856 เป็นสัญญาซึ่งบุคคล 2  คน  ตกลงกันว่าสืบแต่นั้นไป  หรือในชั่วเวลากำหนดอันใดอันหนึ่งให้ตัดทอนบัญชีหนี้หรือหักกลบลงหนี้กันทั้งหมดหรือแต่บางส่วนอันเกิดขึ้น  แต่กิจการในระหว่างบุคคลทั้งสองนั้น  ตามบัญชีหนี้ที่ได้จัดทำขึ้น  บุคคลทั้งสองฝ่ายดังกล่าวต่างเป็นเจ้าหนี้และลูกหนี้ต่อกัน  หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นเจ้าหนี้  และเป็นลูกหนี้แต่ฝ่ายเดียวแม้จะมีบัญชีหนี้สิน  สัญญานั้นก็หาเป็นสัญญาบัญชีเดินสะพัดไม่

บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ของจำเลยเป็นเพียงบัญชีที่จำเลยยอมให้โจทก์หักชำระหนี้ตามบัตรเครดิตที่โจทก์จ่ายทดลองไปก่อนเท่านั้น  มิใช่บัญชีหักทอนหนี้สินระหว่างโจทก์กับจำเลยอย่างบัญชีเดินสะพัด  เพราะจำเลยมีแต่ลูกหนี้โจทก์ฝ่ายเดียวหาได้เป็นเจ้าหนี้โจทก์ด้วยไม่

การคิดบัญชีหนี้สินกันตามบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ดังกล่าวจึงมิใช่การตัดทอนบัญชีหนี้หรือหักกลบลบหนี้กันอันเกิดขึ้น  แต่ภารกิจในระหว่างโจทก์กับจำเลย  แม้ตามคำขอสินเชื่อบัตรเครดิตที่จำเลยทำให้ไว้แก่โจทก์จะมีข้อความว่าจำเลยตกลงให้บัญชีออมทรัพย์ดังกล่าวเป็นบัญชีเดินสะพัดตาม ป.พ.พ. มาตรา  856  ก็ไม่ทำให้บัญชีเงินฝากออมทรัพย์นั้นกลายเป็นบัญชีเดินสะพัดไปได้

แม้สัญญาการใช้บัตรเครดิตระบุว่า  หากในบัญชีเดินสะพัดของจำเลยปรากฏยอดเป็นลูกหนี้โจทก์แล้ว จำเลยยินยอมให้โจทก์ถือว่าเป็นการเบิกเงินเกินบัญชีได้  และยินยอมให้โจทก์คิดดอกเบี้ยทบต้นในบัญชีเดินสะพัดได้  และเป็นข้อสัญญาที่โจทก์เป็นฝ่ายกำหนดขึ้นเอง  และพิมพ์อยู่ในแบบพิมพ์สำเร็จรูปของโจทก์มาแต่ต้น

มิใช่ข้อสัญญาที่เกิดจากการเจรจาต่อรองระหว่างโจทก์กับจำเลยอย่างจริงจัง    และตามสัญญาดังกล่าวโจทก์เป็นเจ้าหนี้แต่ฝ่ายเดียว  จำเลยมิได้เป็นเจ้าหนี้โจทก์และจำเลยมิได้มีหน้าที่ต้องนำเงินฝากเข้าบัญชีก่อนซื้อสินค้าหรือชำระค่าบริการ  และมิได้มีข้อสัญญาให้จำเลยถอนเงินเกินบัญชีด้วยเช็ค  แม้จำเลยจะยอมให้โจทก์ถือว่า  เป็นการเบิกเงินเกินบัญชี  ก็ไม่ทำให้การทำสัญญาบัตรเครดิตดังกล่าว กลายเป็นการเบิกเงินเกินบัญชีไปได้

จำเลยให้การว่า  โจทก์อาจจะได้ใช้เล่ห์ฉ้อฉลแสดงตัวเลขจำนวนเงินเกินความเป็นจริงอย่างมากมาย  จนอาจถือได้ว่าเป็นการดูหมิ่นผู้หลงเชื่อเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์อย่างร้ายแรง  อาจเป็นไปได้หรือไม่ที่จำเลยได้ตกเป็นเหยื่อรายหนึ่งของพนักงานธนาคารผู้ทุจริต  จำเลยมิได้ให้การยืนยันโดยชัดแจ้งรวมทั้งเหตุแห่งการนั้น  จึงไม่มีประเด็นที่จำเลยจะนำสืบตามข้อต่อสู้ดังกล่าว  เท่ากับไม่มีข้ออ้างหรือข้อเถียงเป็นประเด็นข้อพิพาท

จำเลยมิได้ยกประเด็นเรื่องอายุความขึ้นเป็นข้อต่อสู้ในคำให้การ  แม้จำเลยจะขออนุญาตในการเบิกความเพิ่มเติม  ต่อศาลว่าคดีโจทก์ขาดอายุความ  และศาลชั้นต้นอนุญาตแล้วก็ตาม  ก็ไม่ทำให้เกิดเป็นประเด็นนี้ขึ้น  เพราะเป็นการนำสืบนอกประเด็นที่ให้การ  ถือไม่ได้ว่าปัญหาเรื่องอายุความเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวมาแล้ว  โดยชอบในศาลชั้นต้น  ที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยปัญหาดังกล่าวจึงชอบแล้ว

สนใจปรึกษาทนายความคลิกด้านล่างได้เลยครับ

ใส่ความเห็น

ออกแบบเว็บแบบนี้ด้วย WordPress.com
เริ่มต้น